loading...

ที่ศาลากลางจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มผู้ประกอบการรับซื้อโทรศัพท์เก่า กว่า
100 คน เดินทางมาด้วยรถปิคอัพจำนวนกว่า 50 คัน ที่กระบะท้ายบรรทุกถัง
กาละมังมาเต็มคันรถ
รวมตัวกันยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคามเรื่องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบและชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง
กรณีมีกระแสข่าวในโซเซี่ยลมีเดีย ว่ามีรถกระบะบรรทุกกาละมัง ถัง
มาขอแลกโทรศัพท์เก่าที่ไม่ใช้แล้วและจะส่งไปสามจังหวัดชายแดนใต้
เพื่อที่จะนำไปประกอบระเบิด
ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนไม่สามารถประกอบกิจการได้เหมือนเช่นเดิม
โดยได้ยื่นหนังสือต่อนางจันทร์เพ็ญ ศักดิวงษ์
ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคาม

นางเย็นศิริ นามโส ราษฏรบ้านหนองซอน หมู่ 1 ตำบลเชียงยืน อ.เชียงยืน
จ.มหาสารคาม ตัวแทนชาวบ้านที่มายื่นหนังสือ กล่าวว่า
จากกรณีที่มีกระแสข่าวจากโซเชี่ยลมีเดีย
เรื่องชาวบ้านได้นำรถเร่เอาของใช้ประเภทพลาสติก ถัง กาละมัง อาหารกระป๋อง
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำยาล้างจาน ไปแลกโทรศัพท์เก่า โทรศัพท์เสีย แท็บเล็ต
ตามหมู่บ้าน เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย นำไปประกอบระเบิดทาง 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลวงเป็นข่าวเท็จ
ไม่เป็นความจริง

จากกระแสข่าวออกมา พวกตนมีอาชีพ ค้าของเก่า ในตำบลเชียงยืน ต.หนองซอน
ต.ดอนเงิน และตำบลโพนทอง อำเภอเชียงยืน รวมถึง ต.เขื่อน อ.โกสุมพิสัย และ
ต.นาสีนวล อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม กว่า 1,000 คน
ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถนำสินค้าพลาสติกต่าง ๆ
ไปแลกเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ แท็บแล็ตได้เช่นเคย
อีกทั้งเมื่อพบด่านตรวจเจ้าหน้าที่กลับถูกเรียกตรวจและตรวจสอบรถอย่างละเอียด
บางรายเจ้าหน้าที่นำตัวไปทำประวัติ ทำให้เสียเวลา
อีกทั้งเมื่อเข้าไปแลกเปลี่ยนในหมู่บ้าน
กลับถูกชาวบ้านหรือผู้นำหมู่บ้านไล่ออกมาจากหมู่บ้าน ซึ่งเดือดร้อนมาก
เพราะไม่มีรายได้ แต่ค่าใช้จ่ายยังคงเหมือนเดิม
จึงมาร้องเรียนขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร

โดยพวกตนตระเวนออกรับแลกโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต เก่า พัง ที่ไม่ได้ใช้แล้ว
โดยจะนำถัง กาละมัง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตลอดจน ผังซักฟอก
น้ำยาปรับผ้านุ่มไปแลกมา
จากนั้นจะนำมารวบรวมเพื่อที่จะนำไปขายต่อให้กับร้านทองในตัวอำเภอเชียงยืน
ในราคาเครื่องละ 20-40 บาท เพื่อที่จะนำไปสกัดทองแดง
แต่ละวันจะแลกถังกาละมังกับโทรศัพท์เก่าได้ วันละประมาณ 300 เครื่อง
เฉลี่ยมีรายได้วันละ 1,000 บาท
แต่พอมีกระแสข่าวในโซเชี่ยลทำให้พวกตนเดือดร้อน
ถูกมองว่าพวกตนเป็นผู้ก่อการร้าย เหมือนเป็นพวกค้ายาเสพติด ที่ต้องถูกตำรวจ
ทหารตามจับ ชาวบ้านเมื่อทราบว่ามาแลกโทรศัพท์เก่า
ก็ถูกไล่ออกมาจากหมู่บ้าน

ด้านนางวัณณกาญจน์ แพงมา ชาวบ้านหมู่ 11 บ้านหนองซอน ต.หนองซอน อ.เชียงยืน
จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมข้อมูล เพื่อที่จะเข้าแจ้งความ
กรณีมีการแชร์ข้อมูลบนโซเชี่ยล มีการส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ
ทำให้พวกตนเสียหาย ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์
ซึ่งการแชร์ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง อาจส่งกระทบกับบุคคลอื่นอย่างมหาศาล
หากไม่เจออกับตัวเองก็คงไม่รู้ว่าเดือดร้อนเพียงใด
นายวินิต ชนะบุญ ชาวบ้านหมู่ 7 บ้านหนองซอน ต.หนองซอน อ.เชียงยืน
จ.มหาสารคาม กล่าวว่า วันนี้ต้องการมาเรียกร้องความเป็นธรรม
กรณีที่พวกตนถูกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย
ว่าจะนำโทรศัพท์ไปประกอบระเบิด ทำให้พวกตนไม่สามารถทำมาหากินได้
ถูกทหารตำรวจตั้งด่านจับ ทำให้เสียขวัญ กำลังใจ
จึงอยากจะมีเรียกร้องความเป็นธรรม

ด้านนางจันทร์เพ็ญ ศักดิวงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคาม
กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านแล้ว
โดยจะได้ให้ทางอำเภอเชียงยืน
ตรวจสอบกับทางร้านทองที่รับซื้อโทรศัพท์ว่าจะนำโทรศัพท์ไปทำอะไร
หากนำสกัดทองแดง จะใช้วิธีไหน เพื่อความกระจ่าง โดยขอเวลาตรวจสอบ 15 วัน
จากนั้นจะแจ้งให้ทราบ แต่อย่างไรก็ตามการแชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์
อยากให้ประชาชนได้อ่านให้มาก ฟังให้มาก
หรือตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าข้อมูลที่ได้รับมาเป็นข้อมูลจริง
หรือข้อมูลเท็จ
ขอเพิ่มเติมส่วนที่ว่า มือถือมีทองอยู่จริงหรือเปล่านะคะ
loading...
cr. http://kapooza.com